สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนแพทย์ที่จีน หรือน้องๆคนไหนที่ยังไม่แน่ใจ
วันนี้พี่อู๋มีคำแนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัว ที่จะทำให้น้องๆเข้าใจถึงการเรียนแพทย์ที่จีนให้มากขึ้น มาฝากกันค่ะ 😀
.
.
– น้องๆที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับดี มีความขยัน มีความแอคทีฟในตัวเองมากๆ / มีวินัย และ รับผิดชอบสูง / ปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ๆได้ / พร้อมกับอยากหาโอกาสเรียนต่อ หรือ ทำงานในต่างประเทศ
ด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนั้นไม่ง่ายเลย มีทั้งเรื่องภาษาอังกฤษที่ใช้ในการเรียนการสอน และ ภาษาจีนที่ต้องฝึกฝนเพื่อใช้กับคนไข้
ทั้งเนื้อหาการเรียนที่เข้มข้นตามแบบฉบับหลักสูตรแพทย์ การสอบใบประกอบวิชาชีพที่โหดหิน
แต่อยากจะบอกน้องๆทุกคนว่ามันเป็นโอกาสที่ดีมากๆในการเติบโตในชีวิตของน้องๆ เพราะงั้นต้องสู้และเต็มที่นะทุกคน
.
.
#ไปเรียนการแพทย์ที่มหาลัยไหนดี?
– ส่วนตัวพี่อู๋จบมาจากที่ Fudan University ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับ 3 ของประเทศจีน และ ติดอันดับโลก อันดับที่ 31 ขึ้นชื่อมากๆเรื่องการแพทย์ซี่ง อาจารย์ที่นี่จะมีความเชี่ยวชาญในด้านการสอน และ มีประสบการณ์กันทุกคน
มหาลัยนี้ยังมี Connection ที่ดีกับ มหาลัยระดับโลกอย่าง Harvard University อีกด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสในการก้าวหน้า การเรียนต่อ หรือทำงานต่อต่างประเทศหลังสำเร็จการศึกษา ของน้องๆในระดับนานาชาติเพิ่มอีก
รวมถึงมีการจัดการอย่างเป็นระบบของมหาลัย และสภาพแวดล้อมเทียบยุโรปได้ สำหรับน้องๆที่จะเรียนแพทย์ยังได้มีโอกาสไปสัมผัสกับเคสยากๆที่หลากหลาย เพราะโรงพยาบาลในเครือของ Fudan นั้นเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของจีน
และ การที่จะเข้าเรียนคณะ MBBS หรือแพทยศาตร์ได้นั้น จะต้องเป็นนักศึกษาต่างชาติเท่านั้น เพราะงั้นน้องๆจะได้เจอเพื่อนต่างชาติมากมาย มีความเป็นอินเตอร์สูง
สำหรับมหาลัยอื่น นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกสำหรับน้องๆสายการแพทย์ อีกเช่น Tongji University / Zhejiang University ที่พี่อู๋แนะนำ
จริงๆแล้วน้องสามารถเลือกมหาลัยตาม ranking หรือ ความชอบได้เลยนะ แต่แนะนำว่าต้องเป็นมหาลัยที่แพทยสภารองรับแล้วเท่านั้น!
ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขึ้นทะเบียนกับทางแพทยสภาและกลับมาสอบใบประกอบโรคศิลป์ที่ไทยและทำงานเป็นแพทย์ที่ไทยไม่ได้ค่ะ
.
.
- รูปถ่าย
- สำเนาพาสปอร์ต
- ใบรับรองสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุด
- เอกสารแสดงผลการเรียน
- TOEFL (IBT) > 90 or above or IELTS (Academic) > 6.5 or above
- จดหมายแนะนำตัว
- จดหมายหรือเอกสารรับรองจากอาจารย์
- Portfolio ผลงานต่างๆ
- SAT / IB / GCE A-Level / ACT / ATAR เลือกสอบอย่างใดอย่างนึง
หากน้องๆอยากไปเรียนแพทย์ที่ประเทศจีนให้ยึดเกณฑ์ของ Fudan University ตามเก้าข้อนี้ ไว้ก่อน เพราะที่นี่ถือเป็นมหาลัยที่คัดเลือกคุณสมบัติยากที่สุดแล้ว หากน้องๆเตรียมตัวได้ดี ผ่านของที่นี่ น้องๆก็สามารถเลือกตัวเลือกอื่นๆได้แน่นอน พี่อู๋ขอการันตี
.
.
#สรุปเส้นทางการเรียนแพทย์จบแล้วทำงานที่ไหนได้บ้าง
ถ้าตั้งใจจะทำงานที่ไทย
- เข้าเรียนในสถาบันที่แพทยสภาไทย รับรอง และ ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา
- สอบใบประกอบวิชาชีพ ขั้นที่ 1 (หลังจากจบปี 3) และ ขั้นที่ 2 (หลังจากจบปี 5)
- เข้าฝึกงานการแพทย์ ปี 7 ที่โรงพยาบาลในไทย
- สอบใบประกอบวิชาชีพ ขั้นที่ 3 เพื่อรับใบประกอบโรคศิลป์และทำงานที่ไทย
ถ้าตั้งใจทำงานที่ต่างประเทศ
ระหว่างเรียนน้องๆสามารถหาโอกาสไปเรียนเพิ่มเติมหรือฝึกงานที่ USA / UK หรือประเทศอื่นๆที่น้องๆสนใจได้ด้วยเช่นกัน
โดยใช้คะแนนและใบรับรองจากมหาลัยในการยื่นสมัคร เพื่อเก็บประสบการณ์และสอบใบประกอบวิชาชีพในประเทศที่น้องๆสนใจ และ เพิ่มโอกาสที่หลากหลายกว่าเดิม
ซึ่งแต่ละประเทศมีขั้นตอนการสอบที่แตกต่างกันออกไป ถ้าใครสนใจหลังไมค์กับพี่อู๋ได้เลยนะคะ 😊
.
.
#ค่าเรียนค่าใช้จ่าย แบ่งออกเป็นดังนี้
ขออนุญาต บอกค่าใช้ต่ายการเรียนแพทย์ที่จีนของFudanเป็นหลักนะคะ เพราะว่าเป็นมหาลัยที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดแล้วค่ะ
– ประมาณปีละ 375,000 บาท / ปี (2 เทอม)
– ค่าหอ Fudan University : คืนละ 250-400 บาท มีอ่างอาบน้ำ มีห้องน้ำส่วนตัว (เรียกเก็บเป็นรายเทอม)
– ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 5000-15000 บาท (แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของน้องๆ)
– ค่ายิบย่อยอื่นๆ : ค่าประกันสุขภาพ / Residence Permit / ค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีเพราะยังไม่เปิดประเทศนะคะ
.
.
#ทุนการศึกษา ที่น้องๆสามารถยื่นขอได้
ถ้าเป็นที่ Fudan university
- Shanghai Government Scholarship (Type เป็นทุนแรกเข้า เฉพาะค่าเรียน 75,000 หยวน (เกือบ 4 แสนบาท) สมัครได้เมื่อตอนยื่นเข้าเรียน ตอนปี 1 / คัดเลือกเพียงแค่ 2 คนที่โดดเด่นที่สุดจากรอบเอกสาร และ สัมภาษณ์ (ไม่รวมค่ากินค่าอยู่)
- Excellence International Students ทุนสำหรับปี 2 – ปี 6 : คัดเลือกเพียงแค่คนเดียว แข่งกันทั้งคณะ รวมทั้ง 5 รุ่น (ปี 2 – ปี 6) / ทุนมูลค่า 19,000 หยวน (ปีละประมาณ 95,000 กว่าบาท) / สามารถยื่นได้ทุกปี / ใช้จ่ายได้ตามอัธยาศัย จะทำอะไรก็ได้
ส่วนมหาลัยอื่นๆก็มีนะคะ ทุกคนตามแต่ละมหาลัย และ ทุนของมณฑลนั้นๆค่ะ ยังไงพี่อู๋คอยอัพเดทให้ในเพจ Intexcel เนอะ
.
.
#เตือนระวังตกรอบยื่นเอกสาร และ รอบสัมภาษณ์
– การสมัครเรียน MBBS Fudan University นั้นไม่ยาก เท่าการสมัครเรียนมหาลัยในไทย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะถูกคัดเลือกทุกคน เพราะฉะนั้นน้องๆต้องเตรียมคะแนนไว้ให้พร้อม
การที่จะมัดใจคณะกรรมการนั้นต้องมี personal essay บวกกับ Portfolio ที่น่าสนใจ สร้างการจดจำในรอบยื่นเอกสาร และ ตอนสัมภาษณ์ ต้องทำให้อาจารย์สนใจในตัวเรา และ จำเราได้ นี่จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเราอีกเยอะมากเลยค่ะ
.
.
#มีตัวช่วยมั้ยเตรียมตัวให้พร้อมทุกขั้นตอนกับ พี่อู๋ Intexcel
– เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อยื่นออนไลน์
พี่หมออู๋ มีคำแนะนำ และ มีตัวอย่างผลงานของพี่ๆรุ่นก่อนๆที่ได้ทุนการศึกษา และ พี่อู๋เองจะช่วยเตรียม ตรวจเอกสาร ให้น้องๆ กับ การประสานงานกับมหาลัยทุกขั้นตอน
– เตรียมพร้อมด่านสัมภาษณ์ จำเป็นมากๆ ที่น้องจะได้ฝึกล่วงหน้า ซึ่งน้องๆสามารถฝึกซ้อมสัมภาษณ์กับพี่อู๋ก่อนใน Mock exam ได้ พร้อมประเมินผลการสัมภาษณ์ของน้องๆ
– ส่งน้องๆจนกว่าจะเข้าเรียนที่มหาลัยจีน การวางแผนสอบใบประกอบที่ไทยและต่างประเทศ ดูแลตลอดโครงการ จนกว่าน้องๆเรียนจบ
– นอกจากนี้การเตรียมสอบภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน ก็สำคัญ กับการเตรียมตัวของน้องๆอีกด้วย
.
– – – – – –
.
สนับสนุนข้อมูลโดย
#Intexcel ที่ปรึกษาการเรียนต่อในประเทศจีนจากรุ่นพี่ที่เรียนจริง!! อยากสอบถามการเรียนต่อแพทย์ที่จีน กับ รุ่นพี่โดยตรงทักเลย!!
FB : www.facebook.com/Intexcelle
YT : ดูรีวิวการใช้ชีวิตหมอ ที่จีน : www.youtube.com/channel/UCSlav_056hIzOECoDXIHXIw
Line: Supassara.mutanon
.
.