น้องมัธยมหลายๆคนอาจกำลังเริ่มสนใจเรียนแพทย์ เรียนหมอที่จีน
วันนี้พี่หมออู๋ Intexcel มีข้อมูลให้ครบหมดเลยจ้า!!
เริ่มยังไง ไปอ่านกันเลย? 😀
.
– – – – –
.
การเรียนแพทย์นั้นเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตัดสินใจเรียนแพทย์ที่ไทย ซึ่งพี่อู๋เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจ เรียนแพทย์ต่างประเทศ ที่จีน
ดังนั้นวันนี้พี่อู๋เลยอยากมา แชร์ประสบการณ์ และแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับคนที่สนใจให้ได้มากที่สุดตั้งแต่การเริ่มหามหาลัยและการสมัคร
จริงๆแล้วเหตุผลหลักที่เขียนแชร์ประสบการณ์นี้ขึ้นมาเพราะว่าตอนที่ตัดสินใจมาเรียนแพทย์ที่จีน mbbs (Bachelor of Medicine, Bachelor of Surgery) พี่อู๋เห็นว่าแทบจะไม่มีข้อมูลที่เขียนแชร์ประสบการณ์ของคนที่เรียนแพทย์ที่จีนเท่าไหร่
เลยคิดว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์และให้แนวทางกับน้องๆหรือผู้ปกครองทุกๆคน ที่สนใจการเรียนแพทย์ที่จีนไม่มากก็น้อยนะคะงั้นเริ่มเลยล่ะกันค่ะ (เกริ่นยาวไปละ 55555)
* หมายเหตุ ส่วนใหญ่จะขอพูดถึงมหาลัย Fudan university เป็นหลัก นะคะ *
.
– – – – –
.
เนื่องจากมีหลายเรื่อง ดังนั้น ขออนุญาต แบ่งเป็นหมวดหลักๆดังนี้นะคะ
1) เหตุผลและการตัดสินใจที่จะมาเรียนต่อ
2) วิธีและขั้นตอนการสมัคร
1) เหตุผลที่มาเรียนแพทย์ที่จีนและการเริ่มต้นหามหาลัย
“เรียนหมอต้องเก่ง” เคยได้ยินกันมั้ยค่ะ 555555 โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ต้องเก่งมากค่ะ แต่ต้องขยัน อดทน และที่สำคัญต้องชอบค่ะ ถึงจะเรียนแล้วประสบความสำเร็จ เอาเป็นว่า ‘ใจ’ ล้วนๆเลยค่ะ
การสอบเข้าเรียนต่อแพทย์ที่จีนนั้น ใช้การยื่นผลคะแนนจากมัธยมปลายเป็นหลัก แต่การไปเรียนแพทย์ที่จีนอาจจะมีหลายปัญหาที่ต้องเจอ เช่น อุปสรรคทางด้านภาษา, ปัจจัยทุนทรัพย์
และที่สำคัญมากๆ การมาสอบใบประกอบโรคศิลป์ที่ไทยเพื่อทำงานเป็นแพทย์ในไทย(สอบตอนจบปี 3,5,6) ซึ่งการที่จะมาสอบได้นั้นเราต้องเลือกมหาลัยที่ทางแพทย์สภารองรับไว้ค่ะ
ดังนั้นพี่อู๋จะแนะนำว่าควรเริ่มจากการหามหาลัยที่แพทยสภารองรับ จริงๆแล้วมีหลากหลายมหาลัยมากเลยนะคะไม่เพียงแต่ในจีน เรียกได้ว่ามีทางเลือกหลากหลายเลย http://tmc.or.th/news06_1.php นี่ลิ้งก์ค่ะ ไปดูกันได้ตามสบายเลย
.
.
.
ส่วนตัว พี่อู๋เอง เรียนสายสามัญที่ไทยมาตลอดจนถึงมัธยมต้น และมีโอกาสได้ไปเรียน High school ที่จีน ดังนั้นเลยได้เห็นช่องทางในการเรียนแพทย์ที่จีน มากกว่านักเรียนที่ไทยนิดหน่อย
โดยส่วนตัวคิดว่าเรียนแพทย์ที่จีนมันท้าทายและน่าสนใจมากกว่า ทั้งเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์นวัตกรรมต่างๆค่ะ แต่เหตุผลสำคัญที่เลือกศึกษาต่อที่จีนเพราะว่า
1. มีพื้นฐานด้านภาษาอยู่นิดหน่อย
2. ประเทศจีนไม่ไกลจากบ้านเรามากค่ะ นั่งเครี่องไม่กี่ชม เอง
3. ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศแถบยุโรปแต่การเรียนการสอนเทียบเท่าแถบยุโรปค่ะ
4. ไม่ต้องกลับมาใช้ทุน และมีโอกาสต่อยอดทำงานที่ต่างประเทศได้มากกว่า
นี่คงเป็นเหตุผลหลักๆเลยค่ะที่เลือกเรียนต่อที่ประเทศจีน ที่นี้พอตัดสินใจเลือกประเทศแล้วเราก็เดินหน้าหา มหาลัยกันต่อเลยยยย ตอนนั้น พี่อู๋ คัดไว้ 20 กว่าที่เลยค่ะ
เรียกได้ว่า list ทั้งหมดที่แพทย์สภารองรับ การเรียนแพทย์ที่จีนเลยค่ะ ขอไม่เอ่ยทั้งหมดนะคะ มันเยอะจริงๆ 555555 แต่หลักๆที่แพลนไว้ในตอนนั้นมีอยู่ 3 ที่ค่ะ
1. Fudan university
2. Zhejiang university
3. Tongji university
ซึ่งมหาลัยทั้งหมดนี้อยู่ในหรือใกล้เซี่ยงไฮ้ ที่ตัดสินใจเลือกเมืองนี้ เพราะสภาพอากาศและความสะดวกสบายค่ะ ตอนนั้นพ่อ แม่ยังถามเลยว่าทำไมไม่เลือก Beijing ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยค่ะว่ามันหนาว มันอากาศไม่ดี คือไม่ใช่ว่า มหาลัยไม่ดีนะ มหาลัยคือดีค่ะ ดีมากกก แต่มันฝังใจ ตอนที่เคยไปเที่ยวอ่ะคะ
อีกเหตุผลหลักๆคือ Ranking ของมหาลัยค่ะ จะบอกเลยคะว่ามหาลัยคณะแพทย์ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนเนี่ย 3 University นี้ขึ้นท็อปเลยนะคะ แต่ถ้าเรียนเป็นภาษาจีนเราคงต้องยกให้ มหาลัยในปักกิ่งไปค่ะ ซึ่งเมื่อเราได้ได้มหาลัยที่เป็น Target ของเราแล้ว เราก็เดินหน้าไปสมัครเลยค่ะ ^^
.
– – – – –
.
2 ) วิธีและขั้นตอนการสมัคร
เอาล่ะค่ะ การสมัครก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าใช้ “คะแนนยื่น” ทีนี้เราก็มาดู Application ของแต่ละมหาลัยกันเลยยยยย ขอบอกก่อนเลยนะคะว่า พี่อู๋สมัครเองยื่นเองทั้งหมดและได้รับการตอบรับเข้าเรียนทุกมหาลัยค่ะ
ต้องขออธิบายแบบนี้ก่อนว่าทั้งสามมหาลัยนี้ วิธีการยื่นสมัครนี่เป็นระบบออนไลน์หมดเลยคะ ดังนั้นเราต้องสมัคร User แล้ว Log in เข้าไปกรอกรายละเอียด ต่างๆนะคะ
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นภาษาจีนหมด มันมีภาษาอังกฤษให้เราเลือกด้วยค่ะ ของ
1. Zhejiang University เนี่ย requirement จะไม่ค่อยสูงมากค่ะ จำได้ว่าประมาณนี้ค่ะ :
1. Applicant’s photo with white background
2. A photocopy of the passport.
3. Senior high school diploma/ Graduating highschool students can provide pre-graduation certificate.
4. Transcript for all the courses in senior high school
5. HSK certificate
6. TOEFL 80/IELTS 6 or other score reports of English language test
7. Two recommendation letters
8. Personal statement
9. Award-winning Certificates
.
แต่ requirement จะมีการปรับเปลี่ยนตามปีที่จะสมัครอีกทีนะคะ ต้องคอยเช็คดีๆ (หรือติดตามได้ทางเพจ Intexcel จะมีการอัพเดทให้ตลอดแน่นอนค่ะ) ส่วนคนที่กังวลเรื่องเกรดหรืออะไรอื่นๆบอกเลยว่าสำหรับมหาลัยนี้ ยื่นไปก่อนเลยค่ะ
ไม่ต้องกลัว ส่วนระยะเวลาในการสมัครของมหาลัยนี้จะเร็วกว่าอีก 2 มหาลัยค่ะ และก็จะรู้ผลเร็วกว่าด้วย การเริ่มเปิดรับสมัครจะอยู่ในช่วงเดือน กันยา ถึงเดือน มกราค่ะ วันรับสมัครที่แน่นอนในแต่ละปีต้องเข้าไปเช็คในเว็บไซด์ของทางมหาลัย หรือ ทางเพจ FB Intexcel นะคะ
หลังจากยื่น application online ไปแล้วถ้าผ่าน มหาลัยจะเรียกสอบสอบสัมภาษณ์ค่ะ ซึ่ง พิจารณาจาก Application ที่เรายื่นไป และจะตอบรับกลับมาประมาณเดือนเมษายนค่ะ
มหาลัย Zhejiang นับได้ว่ามีคนไทยไปเรียนแพทย์ต่อเยอะมากค่ะ มหาลัยนี้ถ้าได้ไปเรียนต่อแพทย์แล้ว ก็นับว่าไม่น่าผิดหวังเลยค่ะ เพราะมหาลัยนี้เป็นมหาลัยเก่าแก่เปิดสอนมานาน และค่อนข้างมีชื่อเสียง
อีกทั้งยังมีเครื่องมือมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ครบครันทีเดียวเชียวค่ะ แต่ จขกท เอง คงพูดอะไรไม่ได้มากอ่ะเนอะ เพราะไม่ได้มีประสบการณ์ตรงค่ะ
* ค่าเล่าเรียนต่อปีของมหาลัยนี้ประมาณ 42800 RMB(1 RMB = 5+ Bath) ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าสมัครยื่น Application นะคะ *
.
.
.
2. Tongji University
หลักๆคือก็ต้องสมัคร User แล้ว log in เข้าไปกรอกแบบฟอร์มเหมือนกันค่ะ requirement ก็จะเป็น ประมาณนี้ค่ะ:
1. “Application Form for International Students” of Tongji University.
2. Copy of passport
3. CERTIFIED/NOTARIZED copy of senior high school diploma
4. A full transcript (OFFICIAL)
5. A true copy of English Language Certificate: IELTS 6.0、TOEFL (IBT) 80 or higher
6. Recommendation letter (Strongly Suggested).
7. Other supporting materials (such as personal statement, Health certificate, award certificates)
อย่างที่เห็นว่าทุกมหาลัยมี requirement ผลการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ซึ่งอันนี้แนะนำว่าให้ไปสอบตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ เพราะว่าสามารถเก็บผลไว้ได้นานถึง 2 ปี
แนะนำให้ทำคะแนนของ IELTS ให้ได้ประมาณ 6.5 หรือมากกว่า และ คะแนนของ TOEFL ให้ได้ประมาณ 90 หรือมากกว่านะคะ ซึ่งจะสามารถใช้ยื่นสมัครได้แทบทุกมหาลัย ของคณะแพทย์ในจีนค่ะได้ด้วย
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า requirement นี้ค่อนข้างสำคัญค่ะเพราะว่า การเรียนการสอนมันเป็นภาษาอังกฤษดังนั้นการที่จะการันตีว่าคุณจะมาเรียนแล้วรอด คือคุณต้องได้ภาษาอังกฤษระดับนึงคะ
ตอนนั้นพอพี่อู๋เจอ requirement นี้เข้าไปก็กระอัดเลือดอยู่ค่ะ จิตนาการเด็กไทยกับภาษาอังกฤษ อ่ะค่ะ 5555555 แค่เจอฝรั่งตัวเป็นๆก็เกร็งหมดละค่ะ แต่ พี่อู๋ โชคดีค่ะ ที่มีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นๆนิสนุงตรงที่ ได้เรียนอินเตอร์ตอนมอปลายค่ะ
และที่นั่นไม่มีคนไทยอยู่เลยค่ะ ทำให้ภาษาอังกฤษ พี่อู๋ ก้าวกระโดดขึ้นในระดับนึง เลยผ่าน Requirement นี้ได้แบบเฉียดฉิวมากค่ะ
.
.
อีกเรื่องที่สำคัญมากๆๆๆๆของมหาลัยนี้ค่ะ น้องๆที่จะสมัครต้องอายุ 18 ปีบริบูรณ์นะคะ บอกเลย พี่อู๋โดนมาแล้วค่ะอายุไม่ถึง ต้องยื่นเรื่องนู่นนี่นั่นเพิ่มยาวเลยค่ะ แต่ก็ผ่านมาได้ และยังได้รับทุนการศึกษาจากมหาลัยนี้อีกด้วยค่ะ
มหาลัยนี้จากประสบการณ์ที่ไปดูมหาลัยมาด้วยตัวเอง บอกเลยค่ะ มหาลัยดูดี สวยงาม เว่อวังค์ บอกเลยค่ะว่า น่าเรียนมว๊ากกกกกกกก อาจจะเป็นเพราะว่ามหาลัยนี้เค้าดังเรื่องสถาปัตยกรรมค่ะดังนั้นตึก อาคารนี่คือ เริศค่ะ
เวลารับสมัครคือช่วงปลายกุมภา ถึง กลางๆมีนา ค่ะ โดยทางมหาลัยนอกจากจะพิจารณาจาก Application ที่เราส่งไป แล้ว เค้ายังมีการสัมภาษณ์ด้วยค่ะ ถ้าผ่านถึงจะได้รับการตอบรับเข้าเรียนนะคะ
โปรแกรม MBBS ของมหาลัยนี้ต้องบอกเลยว่า ค่อนข้างใหม่ค่ะเพิ่งเปิดมาได้ไม่นานเท่าไหร่ ชื่อเสียงยังไม่ดังเท่าอีก2มหาลัยค่ะ แต่มหาลัยนี้ พี่อู๋ คิดว่าถ้าได้เรียนต่อที่นี่ อนาคตก็สดใสแน่นอนค่ะ เพราะว่าทางมหาลัยก็พยายามโปรโมทคณะนี้อยู่ เครื่องมือการเรียนการสอนก็โอเค ในระดับนึงเลย จากที่สอบถามจากรุ่นพี่ที่เรียนอยู่คะ
* ค่าเล่าเรียนต่อปีของมหาลัยนี้ประมาณ 45000 RMB ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าสมัครยื่น Applicationนะคะ *
.
.
.
3. Fudan University
มาถึง Highlight ของเราสักที ค่ะ มหาลัยนี้ พี่อู๋ บอกเลยว่าจะบอกอะไรได้เยอะเพราะมีประสบการณ์ตรง วิธีการสมัคร และ requirement ตามด้านล่างค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องสมัคร User และ Log in กรอกแบบฟอร์มเหมือนกับอีก 2 มหาลัยค่ะ
1. Application Form with the applicant’s signature
2. Diploma of highest degree
3. Transcripts of highest degree conferred
4. Certified copy of TOEFL (IBT) score of 90 or above or IELTS (Academic) score 6.5 or above
5. Photocopy of valid passport identification page
6. Three passport-sized photos
7. Personal statement, no more than 2000 words in English or Chinese
มหาลัยนี้ที่บอกเลยว่า requirement ที่สำคัญมากๆ ที่มีผลต่อการรับสมัครเข้าเรียนแพทย์ที่จีน คือ Personal statement ค่ะ ซึ่งเป็นการเขียน essay ค่ะว่าทำไมถึงอยากเข้าเรียนที่นี่ มีเป้าหมายอะไรยังไง แนะนำว่าไม่ต้องเขียนเวิ่นเว้อลากยาวไปมา แต่ให้เขียนเนื้อๆเน้นๆ เอาให้มีเสน่ห์ อ่านแล้วรื่นหู เอาให้ประทับใจค่ะ
ฟังดูเหมือนง่ายนะคะแต่ มันเขียนยากเนอะ พี่อู๋ เข้าใจดีค่ะ 555555 ที่ พี่อู๋ ส่งไป เขียนประมาณ หน้าครึ่งของword document ค่ะ ส่วนตัวคิดว่า Personal statement มีผลต่อการพิจารณาอยู่เยอะมากพอสมควรเลย ดังนั้นเขียนดีๆนะคะ เล่าประการณ์ของเราไปค่ะ
แนะนำอีกนิดว่ามี award อะไรใส่ไปให้หมดเลยค่ะ จะเกี่ยวไม่เกี่ยวกับแพทย์ก็ส่งไปค่ะ ของมหาลัยอื่นๆด้วยนะคะ เรามีดีเราต้องโชว์ค่ะเอาออกมาให้หมด ขนาดใบประกาศนียบัตรเรื่อง มารยาทไทยดีเด่น พี่อู๋ยังใส่เข้าไปเลยค่ะ 5555555 เอาให้เค้ารู้ค่ะว่าเรามีดีนะเฮ้ยยยย ไม่เลือกเราเข้าเรียนแล้วจะเสียใจ ประมาณนั้นค่ะ555555
มหาลัยนี้ช่วงเวลารับสมัครจะอยู่ประมาณ เดือน ธันวาคม ถึง มกราคมค่ะ และถ้า Application ของเราผ่าน จะมีการเรียกสอบสัมภาษณ์เดือนเมษายนค่ะ บอกเลยว่ามหาลัยนี้ใช้เวลานานมากกกกก กว่าจะรู้ว่าติดไม่ติดก็นู่นค่ะ กลางๆกรกฎาเลย
มาพูดถึงเรื่องสัมภาษณ์กันก่อนนะคะ คือเค้าจะส่งอีเมล์มานัดวันและเวลาสัมภาษณ์ค่ะ เราจะใช้ Zoom เป็นสื่อกลางในการสัมภาษณ์นะคะ ดังนั้นเตรียมเน็ตเตรียมที่นั่งอะไรดีๆค่ะ ส่วนคำถามที่สัมภาษณ์ จะเป็น General question ค่ะ ทำไมถึงอยากเรียนหมอ ทำไมถึงอยากเรียนที่นี่
และก็จะถามเกี่ยวกับ Application form ของเรานิดหน่อยค่ะ อ่อแล้วก็อาจจะมีคำถามเกี่ยวกับพวก calculus เอิ่มมม ก็ไม่เชิงค่ะ เรียกได้ว่าพื้นฐานคณิตศาสตร์มากกว่าเช่น สมการวงกลมสูตรว่า??
แต่ตอบได้ไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องกังวลค่ะ ใช้เวลาสัมภาณ์แปปเดียวเองค่ะ ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำค่ะ ดังนั้นไม่ต้องกลัวนะคะ ใจเย็นๆ ค่อยๆตอบคำถามไปค่ะ
สำหรับมหาลัย Fudan นี้ พี่อู๋เข้ามาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยคะ ทั้งบรรยากาศ สภาพแวดล้อม การเรียนการสอนก็ถือว่าใช้ได้ระดับหนึ่งเลยคะ
* ค่าเล่าเรียนต่อปีของมหาลัยนี้ประมาณ 75000 RMB ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าสมัครยื่น Applicationนะคะ *
** เรื่องทุนการศึกษา ถ้าใครสนใจสามารถสอบถามได้นะคะ จะพยายามตอบเท่าที่รู้และมีประสบการณ์ จริงๆแล้วแต่ละมหาลัยมีทุนสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติที่แตกต่างกันคะ **
.
.
วิธีการและขั้นตอนการสมัครก็คงมีเท่านี้นะคะ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม หรือ สงสัยขั้นตอนการสมัครตรงไหน ของมหาลัยไหนก็บอกได้นะคะ ถามมาได้เลยคะ ยินดีตอบทุกคำถามเลยค่ะ หวังว่าจะได้มาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันนะคะ
.
– – – – – –
.
สนับสนุนข้อมูลโดย
#Intexcel ที่ปรึกษาการเรียนต่อในประเทศจีนจากรุ่นพี่ที่เรียนจริง!! อยากสอบถามการเรียนต่อแพทย์ที่จีน กับ รุ่นพี่โดยตรงทักเลย!!
FB : www.facebook.com/Intexcelle
YT : www.youtube.com/channel/UCSlav_056hIzOECoDXIHXIw
Line: Supassara.mutanon
.
.
.