“ทำความรู้จัก #นครเซี่ยงไฮ้“
.
“เซี่ยงไฮ้” 1 ใน 4 เทศบาลนคร ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เป็นเมืองปากทางของแม่น้ำแยงซี ทางตะวันออกของจีน
โดยเป็นที่อยู่ให้คนจีนมากถึง เกือบ 27 ล้านคน ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น มหานครที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศจีน และ มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจาก โตเกียว และ นิวเดลี)
.
อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางในหลายด้านของโลก เช่น ด้านการเงิน นวัตกรรม และการขนส่ง ที่ได้การขนามนามเรื่องการเป็นเมืองท่าที่มีการจราจรคับคั่งเป็นอันดับต้นๆ
.
.
– – – – –
.
✅ กด See First กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดอัพเดทเกี่ยวกับประเทศจีน 🇨🇳
.
✅ ติดตามผลงานจาก Angbao Society กันได้ทาง
.
– – – – –
.
.
นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นผลที่โยงมาจากการตัดสินใจของ ผู้นำชื่อ “เติ้ง เสี่ยวผิง”
ที่ทำให้เซี่ยงไฮ้เป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้ เพราะ การตัดสินใจเปิดประเทศจีนในปี 1978 และ ปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในช่วงทศวรรษที่ 1990 ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเมืองครั้งใหญ่
โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจ ผู่ตง (Putong) ทำให้การเงิน และ การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในเซี่ยงไฮ้เป็นจำนวนมาก
โดยมีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) หนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
และ เขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้เป็นเขตการค้าเสรีแห่งแรกของประเทศจีน ด้วยความที่เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองเศรษฐกิจ และ มีความศิวิไลซ์ ทันสมัยอย่างมาก มหานครนี้จึงได้รับฉายาว่า “ปารีสตะวันออก”นั่นเอง
อย่างที่เกริ่นไว้ เซี่ยงไฮ้นั้นเป็นมหานครศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ ในด้านของความใหญ่ทางเศรษฐกิจจากตัววัด GDP
เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองแรกในจีนที่มีขนาด GDP มากกว่า 3 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 15 ล้านล้านบาท)
และ ยังเป็นเมืองที่มีบริษัทข้ามชาติ (MNC) ตั้งอยู่มากที่สุดในจีน โดยเป็นสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคถึง 674 แห่ง
.
.
.
ในด้านการศึกษา แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้นั้น ตอบโจทย์คนที่อยากต่อยอดความรู้ในด้านบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี การแพทย์ และเทคโนโลยี รวมไปถึงภาษาศาสตร์อีกด้วย
เป็นที่ตั้งของมหาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ เช่น มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น (Fudan University) ซึ่งอยู่อันดับที่ 3 ของจีน และ อันดับที่ 40 ของโลก
รวมถึงมหาวิทยาลัยซ่างห่ายเจียวทง (Shanghai Jiaotong University) ที่อยู่อันดับที่ 6 ของจีน และ อันดับที่ 60 ของโลกด้วย
.
.
.
เมืองเซี่ยงไฮ้นั้น ไม่ได้มีดีแค่ความเจริญด้านเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีสถานที่เที่ยวเด็ดๆที่พลาดไม่ได้อีกด้วย อย่าง #เดอะบันด์ (The Bund)
ซึ่งเดอะบันด์นั้นอยู่ฝั่งเมืองเก่า ริมถนนฝั่งเมืองเก่ามีอาคารรูปทรงสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปมากมาย เพราะว่าในอดีตเคยเป็นทั้งสถานทูต และ ธนาคาร
บอกเลยว่าไปเดินแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศโซนยุโรปแน่นอน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสูง ผู้คนจึงมักจะมาเดินเล่นเพื่อชมความสวยงามของความแตกต่างระหว่างอาคารสองฝั่งนั่นเอง
#หอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งที่ต้องมาให้ได้หากมาเมืองนี้
หอไข่มุกนั้นเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ ที่เรียกว่าหอไข่มุกเพราะมีลักษณะเหมือนไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดเรียงกันอยู่
นอกจากด้านในหอจะเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แล้วยังมีโรงแรม ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และ ที่สำคัญคือมีจุดชมวิวเซี่ยงไฮ้จากความสูงถึง 267 เมตร ทำให้เห็นวิวเซี่ยงไฮ้จากมุมสูงได้รอบด้านเลย
.
.
.
ถ้าเพื่อนๆอยากจะชมสถานที่โบราณเก่าแก่ เซี่ยงไฮ้เองก็ตอบโจทย์เช่นกัน สถานที่เหล่านั้นก็คือ สวนอี้หยวน (Yuyuan) เป็นสวนที่สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง
ถือว่าเป็นสวนจีนขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น โดยมีเนื้อที่กว่า 12 ไร่ ภายในมีสิ่งปลูกสร้างสไตล์จีนโบราณกว่า 20 หลัง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานข้ามน้ำท่ามกลางสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้ และหินสวยงามหายากมากมาย
.
.
วัดจิ้งอัน (Jingan Temple) วัดจีนชื่อดังเก่าแก่ของเซี่ยงไฮ้ที่มีอายุกว่า 800 ปี ตกแต่งด้วยสีทองเป็นหลัก อีกทั้งภายในยังมีพระพุทธรูปจำนวนมาก
.
.
.
ถ้าเพื่อนๆได้อ่านบทความนี้แล้ว แอดฯขอบอกเลยว่านี่แค่น้ำจิ้มเท่านั้น เซี่ยงไฮ้นั้นมีอะไรหลายอย่างรอให้ทุกคนไปค้นหา
แล้วเพื่อนๆจะรู้ว่าเซี่ยงไฮ้มันดีจริงๆ อย่างคำที่เขาบอกแหละ สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น แล้วเพื่อนๆจะตกหลุมรักเซี่ยงไฮ้เหมือนแอดฯ
สำหรับวันนี้แอดฯขอตัวไปกินเสี่ยวหลงเปาก่อนนะจ๊ะ ไว้จะมาเล่าให้ฟังใหม่
.
.
.
#AngbaoKnows
#รู้จักจีนกับเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆ
.
.
#AngbaoSociety
#วาไรตี้รายการจีนโดยหนุ่มตี๋สาวหมวย