“สี จิ้น ผิง” ผู้นำทรงอิทธิพล ยุคจีนใหม่ 🇨🇳
หากพูดถึงบุคคลทรงอิทธิพลบนเวทีโลก คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักผู้นำ แห่งแดนมังกรคนนี้
.
ผู้นำมากที่ยืนคานอำนาจบนเวทีโลก จนเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก
.
เขาก็คือผู้นำที่ชื่อ “สี จิ้น ผิง” คนนี้
.
เรามาทำความรู้จักผู้นำคนสำคัญของแดนมังกร และ ผลงานของเขาคนนี้กัน
.
.
– – – – –
.
✅ กด See First กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาด เรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับประเทศจีน 🇨🇳
.
✅ ติดตามสาระ บันเทิงดีๆ Angbao Society เพิ่มเติมทาง
Group : www.facebook.com/groups/888639888172662/
.
– – – – –
.
.
“สี จิ้น ผิง” ลูกชายของ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน “สี จง ชุน” คนใกล้ชิด ของประธาน เหมา เจ๋อ ตง ที่เคยทำงานร่วมกันมา
.
ก่อนการปฏิวัติวัฒนธรรม พ่อของสีจิ้นผิง “สี จง ชุน” ก็ถูกปลดจากตำแหน่ง ลงไปเป็นทำงานกรรมกร
.
เพราะเขาเป็นผู้อนุมัติ ให้มีการตีพิมพ์หนังสือที่วิจารณ์ประธานเหมาในยุคนั้น
.
และ นี่ก็คือจุดพลิกผันชีวิตของคนในครอบครัวของเขา ที่ทำให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
.
.
.
สี ในวัยเด็กเขามักจะถูกเพื่อนร่วมชั้น แกล้งอยู่เสมอ
.
เมื่อเขาโตขึ้น สี จิ้น ผิง ได้เป็นหนึ่งใน กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ถูกคัดเลือกเข้ารับการศึกษา
.
ใช้ชีวิตเรียนรู้การทำไร่ทำนา และ ปศุสัตว์ ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ หมู่บ้านเล็กๆ ทางเหนือของมณฑลชานซี
.
ในวัยนั้นเขามีความตั้งใจที่จะ เป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างมาก
.
สี จิ้น ผิง พยายามสมัครเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่หลายครั้ง
.
แต่ก็โดนปฏิเสธมาตลอด แต่ในภายหลังเขาก็ได้เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ได้สำเร็จ
.
.
.
.
หลังจากประธานเหมาเสียชีวิต ชื่อเสียงของบิดา “สี จง ชุน” จึงได้รับการพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
.
สี ได้กลับมาศึกษาต่อ จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาด้านเคมี จากมหาวิทยาลัยชิงหวา และ เริ่มมีสายสัมพันธ์กับบุคคลในกองทัพ
.
เขาได้มีโอกาสทำงานรับใช้พรรคที่มณฑลเหอเป่ย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการผสมพันธุ์ปศุสัตว์
.
.
.
สี จิ้น ผิง เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ กับไต้หวัน ผลงานนี้จึงทำให้เขาได้เป็นรักษาการเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สาขาเซี่ยงไฮ้
.
ระหว่าง 7 เดือนที่รักษาการ เขาพัฒนาความสัมพันธ์ กับ เจียงเจ๋อหมิน อดีตเลขาธิการพรรค และ แกนนำคนสำคัญของผู้นำรุ่นที่ 3 ของจีน
.
สีจิ้นผิง ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ หลังจากการประชุมใหญ่ครั้งที่ 18 ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
.
.
.
จากหนุ่มน้อยที่เคยถูกกลั่นแกล้งในวัยเด็ก ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และ ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางแห่งสาธารณรัฐในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556
.
.
.
ในด้านผลงาน ด้วยความที่ สี จิ้น ผิง เป็นผู้นำที่มีแนวความคิดสมัยใหม่ เขาจึงสามารถสร้างการพัฒนามากมายให้กับประเทศ
.
ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว เพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ และ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
.
.
.
ผลงานที่เด่นชัดที่สุดของ สี จิ้น ผิง คงเป็นเรื่อง
.
#นโยบายปราบปรามคอร์รัปชัน
ปัญหาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่ในอดีต สี สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกระดับ ไม่ให้รับเงินจากเอกชน
.
แม้แต่เรื่องเล็กน้อย อย่างการรับของขวัญ หรือ หากคิดจะรับซองใต้โต๊ะในงานเลี้ยงต่างๆ ก็คงไม่ต้องพูดถึง
.
เขายังเอาจริงกับการลงโทษ เจ้าหน้าที่รัฐที่มีความเกี่ยวข้องกับ คดีคอร์รัปชันอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็ตาม
.
.
.
#โครงการเส้นทางสายไหมใหม่ (The Belt and Road Initiative)
.
โครงการนี้เน้นเรื่อง การขยายอิทธิพลด้านเศรษฐกิจของจีน สู่ภูมิภาคอื่นๆ หลักๆคือ ยุโรป แอฟริกา และ เอเชีย
.
ด้วยการลงทุนด้าน การก่อสร้างระบบขนส่งพื้นฐาน ทั้งทางรถไฟ ถนน และ ทางเรือ
.
ที่จะทำให้สินค้าจีนกระจายไปสู่ประเทศต่างๆอย่างทั่วถึง และ ในอีกด้านหนึ่ง นักลงทุนชาวจีนก็สามารถไปลงทุนในต่างชาติได้เพิ่มด้วย
.
.
#แก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว
.
นี่เป็นนโยบายที่ไม่ใช่แค่จะลดสัดส่วนผู้สูงวัยในสังคมจีนเท่านั้น แต่เพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานในประเทศด้วย
.
ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนเริ่มตระหนักชัดขึ้นว่า จีนกำลังมีแรงงานที่น้อยลง จากผลพวงของนโยบายเก่านี้
.
ที่ทำให้จีนกำลังเข้าสู่ New Normal ที่คนจีนเองก็ไม่ได้อยากมีลูกมากนัก เพราะด้วยค่าครองชีพ ต่างๆที่สูงขึ้นตามตัวไปด้วย
.
สี มองว่าถ้าคนเกิดใหม่น้อยไป ก็ไม่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้โตได้ตามเป้า
.
การล้มเลิกนโยบายนี้ ยังสามารถลดอัตราการทำแท้ง และ ทำให้ประชากรชายหญิงในประเทศมีความสมดุลมากขึ้น
.
โดยไม่ต้องเลือกเพศของเด็กในครรภ์ ตามค่านิยมเดิมว่า ต้องเป็นลูกชายเท่านั้น
.
.
.
#แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
แนวคิดของ สี จิ้น ผิง คือ พัฒนาคุณภาพของสินค้า มากกว่าเพิ่มปริมาณ
.
เพื่อยกระดับเศรษฐกิจให้ดีขึ้น นอกจากนี้เขายังเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ จากเน้นเสริมสร้างการเกษตร มาเน้นภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น
.
ที่สำคัญจีนกำลังเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยี จีนจึงเน้นพัฒณาอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงร่วมด้วย
.
และต่อไปนี้จีนจะไม่ใช่แค่ประเทศโรงงาน หรือ แหล่งอุตสาหกรรมการส่งออกอย่างเดียวอีกต่อไป
.
เพราะ ด้วยความพยายามที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการบริการของประเทศให้ไปอีกขึ้น
.
.
.
.
และ นี่ก็คือ ผู้นำแดนมังกร ผู้ทรงอิทธิพล ที่ทำให้จีนก้าวขึ้นมามีบทบาทบนเวทีโลก
.
ยิ่งเห็นได้ชัด กับ สถานการณ์ COVID-19 ที่กระทบไปทั่วโลก
.
และ กับเรื่องสงครามการค้า จีน-สหรัฐ
.
บุคคลผู้นี้เองที่มีบทบาทในการยืนค้ำ คู่ขนานไปกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา อย่างไม่เกรงกลัว
.
ด้วยผลงานของเขา และ การนำเสนอของสื่อทั้งจีน และ ต่างชาติ
.
ก็ได้ชี้ให้เห็นถึง ความสามารถในการเป็นผู้นำ ที่อย่างน้อยก็ทำให้คนจีน และ โลกได้เห็นว่า…
.
วันนี้จีนได้ขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว…
.
.
.
.
#AngbaoKnows EP.12
#รู้จักจีนกับเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆ
.
.
#AngbaoSociety
#วาไรตี้รายการจีนโดยหนุ่มตี๋สาวหมวย